การตรวจเช็กและบำรุงรักษา เครื่อง CO2 Laser หลังหมดประกัน
การตรวจเช็คและบำรุงรักษา เครื่อง CO2 Laser อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ทำความสะอาดฝุ่นละอองจากโต๊ะทำงานและภายนอกเครื่อง เพื่อไม่ให้ฝุ่นสกปรกสะสมแล้วส่งผลต่อการทำงาน จากนั้นจึงตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ตามตารางบำรุงรักษาที่วางไว้ การทำบันทึกการบำรุงรักษาทั้งรายวันและรายสัปดาห์จะช่วยติดตามปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- จัดทำ ตารางบำรุงรักษา รายวัน-รายเดือน พร้อมบันทึกรายละเอียดทุกครั้ง เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและป้องกันปัญหา
- ทำความสะอาดหลังใช้งาน : เช็ดภายนอกเครื่องด้วยผ้าเปียก (หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม) ทุกครั้งหลังใช้ และใช้งานผ้าสะอาดเช็ดหัวเลเซอร์ (ท่อเลเซอร์) เพื่อลดคราบและฝุ่น
- ตรวจสอบระบบหล่อเย็น : วัดระดับน้ำกลั่นในแท็งก์ทุกสัปดาห์ และเปลี่ยนน้ำตามที่ผู้ผลิตกำหนด (โดยทั่วไป 3–6 เดือน) หากพบการรั่วซึมหรือความไม่ปกติ ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ทันที
- เช็คเลนส์และกระจกสะท้อน : แม้จะอยู่ในเครื่องสแกนหรือหัวเลเซอร์ ควรตรวจสอบและทำความสะอาดเลนส์โฟกัสและกระจกสะท้อนทุกวัน เพราะฝุ่นหรือคราบบนเลนส์จะลดประสิทธิภาพลำแสง
- ตรวจเช็คระบบไฟฟ้า : ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (Surge Protector) และ UPS ที่มีกำลังเพียงพอ และเปลี่ยนแบตเตอรี่ UPS ตามที่ผู้ผลิตแนะนำ (ประมาณทุก 3–5 ปี) เพื่อรักษาคุณภาพไฟฟ้าให้คงที่


วิธีทำความสะอาดเลนส์และหัวเลเซอร์ CO2 อย่างถูกวิธี
หัวเลเซอร์ CO2 โดยเฉพาะส่วนเลนส์โฟกัสและปากกาหัวยิง มักเป็นจุดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะเศษวัสดุหรือน้ำยาอาจขณะใช้งานติดค้าง เมื่อเสร็จงานแต่ละครั้งควรทำความสะอาดเลนส์และหัวเลเซอร์ด้วยอุปกรณ์ที่ถูกต้องและอ่อนโยน เพื่อรักษาคุณภาพลำแสงให้คมชัด การตรวจสอบเลนส์เป็นประจำและทำความสะอาดในสภาพแวดล้อมที่สะอาดจะช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมตกค้าง
- ตรวจสอบสภาพเลนส์ก่อน-หลังใช้งาน : มองหาฝุ่น เศษวัสดุ หรือคราบที่อาจจับอยู่บนผิวเลนส์ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้สามารถลดพลังงานเลเซอร์และคุณภาพงานได้
- ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม : เตรียมผ้าเช็ดเลนส์ไร้ฝุ่นหรือสำลีเลนส์เฉพาะ พร้อมสารละลายทำความสะอาดที่แนะนำสำหรับเลนส์ CO2 หลีกเลี่ยงวัสดุทั่วไปเช่น กระดาษทิชชู่ธรรมดา หรือสำลีก้านที่ไม่ใช่สำลีทางการแพทย์ เพราะอาจทิ้งใยหรือทำให้เลนส์เป็นรอย
- ขั้นตอนการทำความสะอาด : (1) ถอดเลนส์ออกจากเครื่องตามคู่มือหากทำได้ (ตรวจสอบคู่มือผู้ผลิตก่อน) (2) เป่าฝุ่นออกด้วยลมอัด (ป้องกันการขยี้ฝุ่นติด) (3) หยดสารทำความสะอาดเลนส์ลงบนผ้าเช็ดเลนส์ (4) เช็ดเลนส์อย่างเบามือจากกลางออกขอบ เป็นลักษณะวงกลม เพื่อหลีกเลี่ยงการกดขัดผิว หากคราบฝังแน่นให้ใช้ผ้าใหม่และทำซ้ำจนสะอาด
- ตรวจเช็ครอยและตะไบขนาดเล็ก : ห้ามขัดถูแรงๆ หลีกเลี่ยงกระดาษหรือฟองน้ำหยาบ เพราะอาจทำลายฟิล์มเคลือบผิวเลนส์ เช็ดวนไปมาในแนว “S” เบาๆ เพื่อละลายคราบด้วยสารละลายเอง หลังเช็ดเสร็จให้ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าไมโครไฟเบอร์อีกผืนเช็ดซ้ำ และผึ่งเลนส์ให้แห้งสนิทก่อนติดตั้งกลับ
- จัดเก็บระมัดระวัง : เลนส์ที่ถอดออกควรเก็บในกล่องหรือถุงป้องกันฝุ่นเมื่อต้องเก็บเข้าสต็อก และไม่ควรสัมผัสโดยตรงด้วยมือเปล่าเสมอ
การเปลี่ยนอุปกรณ์สำคัญและอะไหล่สำหรับ เครื่อง CO2 Laser
การบำรุงรักษารายวันต้องมาคู่กับการเปลี่ยนอุปกรณ์สำคัญตามอายุการใช้งานของวัสดุที่จะหมดสภาพ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ส่งผลต่อกำลังเลเซอร์โดยตรง เช่น หลอดเลเซอร์ CO2 ซึ่งเป็นหัวใจของระบบ หลอดทั่วไปมีอายุประมาณ 1,000–2,000 ชั่วโมง ขึ้นกับการใช้งานและการดูแลรักษา หากหลอดมีอาการกำลังตกหรือจุดแตกภายใน ควรเปลี่ยนหลอดใหม่ทันที
- หลอดเลเซอร์ CO2 : เปลี่ยนเมื่ออายุการใช้งานใกล้ถึงหรือเกิดปัญหา โดยใช้น้ำกลั่นหมุนเวียนและควบคุมอุณหภูมิระบายความร้อนตามที่กำหนดเพื่อลดความร้อนสะสม การยิงด้วยพลังงานสูงติดต่อกันนานเกินไปจะเร่งให้หลอดเสื่อมเร็ว
- เลนส์โฟกัสและกระจกสะท้อน : หากเกิดรอยขีดข่วน ตำหนิหรือจุดไหม้ ควรเปลี่ยนทันที เพราะจะส่งผลให้ลำแสงกระจายไม่เป็นจุดและลดประสิทธิภาพการทำงาน เลือกใช้อะไหล่ที่ได้มาตรฐานสูงเพื่อรับแรงความร้อนจากเลเซอร์ได้ดี
- ระบบหล่อเย็น : เปลี่ยนน้ำกลั่นทุก 3–6 เดือน แนะนำใช้น้ำกลั่นบริสุทธิ์ 99.9% ตามที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะน้ำประปาสามารถมีตะกอนทำให้เกิดตะกรันภายในได้
- ปั๊มน้ำและท่อน้ำ : ทำความสะอาดท่อและตรวจสอบปั๊มอย่างสม่ำเสมอ หากพบการอุดตัน รั่วซึม หรือแรงดันน้ำลด ควรเปลี่ยนปั๊มหรือท่อทันที ปั๊มน้ำที่ทำงานไม่ดีอาจทำให้ระบบหล่อเย็นล้มเหลวจนหลอดเสียหายได้
- แบตเตอรี่ UPS/ระบบไฟฟ้า : เปลี่ยนแบตเตอรี่ UPS ตามรอบ (3–5 ปี) เพื่อให้สามารถสำรองไฟได้เพียงพอ ป้องกันการกระชากไฟฟ้าและไฟตกกระทันหัน
- พัดลมและไส้กรองอากาศ : ถ้ามีระบบดูดอากาศภายในเครื่อง ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองตามคำแนะนำผู้ผลิต รวมถึงตรวจเช็คพัดลมระบายอากาศ เพื่อป้องกันความร้อนสะสมจากควันหรือฝุ่นที่ระบายไม่ออก
ข้อควรระวังในการใช้ เครื่อง CO2 Laser หลังหมดประกัน
- หลีกเลี่ยงการใช้งานที่กำลังสูงตลอดเวลา : การยิงด้วยพลังงานสูงต่อเนื่องนานๆ จะทำให้หลอดร้อนจัดและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ควรปรับแต่งกำลังและความเร็วให้เหมาะสมกับวัสดุ เพื่อถนอมอายุการใช้งาน
- ตรวจสอบอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นก่อนใช้งาน : ห้ามใช้เครื่องเมื่ออุณหภูมิน้ำสูงกว่า 24°C หรือต่ำกว่า 10°C เพราะอาจทำให้หลอดแตกร้าว การรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุหลอด
- ติดตั้งระบบไฟฟ้าป้องกัน : ควรมี UPS และอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากที่ได้มาตรฐาน เพื่อรักษาคุณภาพไฟฟ้าและป้องกันไฟตก-ไฟเกิน ซึ่งสามารถทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เสียหายได้
- อบรมและเฝ้าระวังอาการผิดปกติ : ผู้ดูแลเครื่องควรได้รับการฝึกอบรมการใช้งานอย่างถูกต้อง มีวิดีโอหรือคู่มือให้อ้างอิง ทั้งต้องสังเกตเสียงสั่นสะเทือนผิดปกติ หรือข้อความเตือนบนหน้าจอ หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้และตรวจสอบทันที
- ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน : ห้ามมองลำแสงด้วยตาเปล่าเสมอ ควรสวมแว่นตาป้องกันเลเซอร์ที่เหมาะสมกับคลื่น 10.6 μm และทำงานในห้องมีระบบระบายควันดูดอากาศที่ดีเพื่อป้องกันไอระเหยจากเนื้อเยื่อ
- อย่าเคลื่อนย้ายเครื่องขณะใช้งาน : หลังใช้งานเสร็จ ปิดเครื่องและรอระบายความร้อนให้เรียบร้อยก่อนเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ให้เกิดแรงสั่นสะเทือนกระทบชิ้นส่วนภายใน
บริการหลังการขายและการรับประกันเสริมสำหรับเครื่อง CO2 Laser
หลังหมดประกันจากผู้ผลิตแล้ว เจ้าของเครื่องควรพิจารณาใช้บริการหลังการขายจากตัวแทนหรือศูนย์บริการที่เชื่อถือได้ หลายบริษัทมี แพคเกจประกันเสริม ครอบคลุมการตรวจซ่อมบำรุง บริการเหล่านี้มักรวมไปถึงการฝึกอบรมวิธีใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องให้กับช่างหรือพนักงานของคลินิก ควรเลือกใช้บริการของช่างเทคนิคเฉพาะด้านเครื่องมือแพทย์ความงามที่มีประสบการณ์ และใช้ชิ้นส่วนอะไหล่แท้จากผู้ผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากการซ่อมผิดวิธี
สรุป
การดูแลเครื่องเลเซอร์ CO2 หลังหมดประกันต้องอาศัยทั้งการตรวจเช็คประจำวันและการบำรุงรักษาที่เหมาะสม รวมถึงเปลี่ยนอุปกรณ์สำคัญตามอายุการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาคุณภาพการทำงานและความปลอดภัยของคลินิกไว้ โดยเฉพาะควรใช้บริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือแพทย์ความงาม การทำตามเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้เครื่องเลเซอร์ CO2 ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น