รอยไหม้หลังใช้เครื่องเลเซอร์ความงาม เกิดจากอะไร

“รอยไหม้หลังใช้เครื่องเลเซอร์ความงาม” เกิดจากอะไร

ปัญหา “รอยไหม้ หลังทำเครื่องเลเซอร์ความงาม” เป็นสิ่งที่หลายคลินิกอาจเคยเจอ แม้จะตั้งค่าพลังงานอย่างถูกต้อง ใช้เครื่องที่มีมาตรฐาน แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่สวยอย่างที่คาดไว้ บางครั้งผิวเกิดรอยแดง แสบ หรือเป็นจุด ๆ ทำให้คนไข้รู้สึกไม่มั่นใจ ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึง สาเหตุของรอยไหม้หลังทำเลเซอร์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผิว รวมถึงแนวทาง ดูแลหัวเครื่องเลเซอร์ให้สะอาด ปลอดภัย และยิงพลังงานได้แม่นยำทุกช็อต

สารบัญ

เครื่องเลเซอร์ที่สามารถทำให้เกิดรอยไหม้ได้

  • Nd:YAG มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร จัดเป็นเลเซอร์ Non-Ablative ที่ยิงลึกถึงชั้นหนังแท้ มีการดูดซับพลังงานโดยเมลานินต่ำกว่าเลเซอร์ช่วงคลื่นสั้น จึงนิยมใช้กับผิวสีเข้มหรือผิวแทน ซึ่งจะมีความปลอดภัยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิด รอยไหม้ หรือความผิดปกติของสีผิวต่ำกว่าเมื่อใช้กับคนไข้ผิวเข้ม อย่างไรก็ตาม Nd:YAG ยังคงสามารถทำให้เกิดรอยไหม้ได้หากใช้พลังงานสูงเกินไปหรือยิงซ้ำบริเวณเดิมมากเกินควร
  • Diode Laser มักมีความยาวคลื่นประมาณ 800–810 นาโนเมตร ซึ่งจัดว่าเป็นช่วงคลื่นที่เมลานินดูดซับพลังงานได้สูง จึงมีประสิทธิภาพในการกำจัดขนสำหรับผิวสีอ่อนถึงปานกลางได้ดี อย่างไรก็ตาม สำหรับผิวสีเข้มหรือผิวที่มีเมลานินมาก การใช้เลเซอร์ไดโอดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะพลังงานเลเซอร์ส่วนหนึ่งจะถูกดูดซับในผิวหนังชั้นบนมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อการไหม้ผิวหรือเกิดจุดดำคล้ำหลังการยิงได้หากตั้งค่าพลังงานไม่เหมาะสมหรือขาดการทำความเย็นผิวที่ดีพอ
  • CO₂ Laser มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร จัดเป็นเลเซอร์ชนิด Ablative ที่มีการดูดซับพลังงานสูงมากโดยโมเลกุลน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้สามารถระเหยผิวหนังชั้นบนออกไปได้ เลเซอร์ CO₂ นิยมใช้ในการผลัดผิว (Resurfacing) และรักษาแผลเป็นหรือรอยโรคผิวหนัง โดยการสร้างบาดแผลเล็ก ๆ จำนวนมากบนผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ แม้กลไกดังกล่าวจะเป็นการจงใจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ควบคุมได้ แต่หากผู้ใช้งานตั้งค่าพลังงานสูงเกินหรือยิงซ้ำในบริเวณเดิมมากไป ก็อาจทำให้เกิดความร้อนสะสมลึกเกินจำเป็นจนกลายเป็นแผลไหม้รุนแรงและเกิดแผลเป็นถาวรได้

สาเหตุของ รอยไหม้ หลังทำเครื่องเลเซอร์ความงาม มีอะไรบ้าง

1.พลังงานเลเซอร์สูงเกินไปหรือไม่เหมาะสมกับผิวคนไข้
การตั้งค่าพลังงาน (Fluence) ที่สูงเกินความจำเป็นหรือไม่เหมาะสมกับสีผิว/สภาพผิวของคนไข้เป็นสาเหตุสำคัญของ รอยไหม้ เลเซอร์ที่ยิงด้วยพลังงานมากเกินไปจะทำให้เนื้อเยื่อเกิดความร้อนสะสมจนเกินกว่าที่ร่างกายจะระบายความร้อนได้ทัน ส่งผลให้ผิวหนังไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีผิวสีเข้มหรือเพิ่งโดนแดดจนผิวแทน

2.เทคนิคการยิงเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม
ความผิดพลาดด้านเทคนิคของผู้ยิงเลเซอร์สามารถทำให้เกิดรอยไหม้ได้ เช่น การยิงเลเซอร์ซ้อนจุด (Overlapping) ในบริเวณเดิมมากเกินไปหรือไม่มีการเว้นระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างช็อตการยิง เลเซอร์บางประเภทมีหัวขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยการวางแนบผิวให้สนิทและยิงทีละจุดติด ๆ กันเพื่อครอบคลุมพื้นที่ หากยิงซ้ำจุดเดิมโดยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้บริเวณนั้นได้รับพลังงานสองเท่าและเกิดไหม้ได้ง่าย

3.ระบบความเย็นไม่เพียงพอ
การทำความเย็นผิวควบคู่ไปกับการยิงเลเซอร์มีบทบาทสำคัญในการป้องกัน รอยไหม้ เลเซอร์หลายชนิดจะมีระบบให้ความเย็นแก่ผิว (เช่น เป่าลมเย็น ฉีดสเปรย์ไครโอ หรือหัวคริสตัลเย็นสัมผัสผิว) เพื่อช่วยระบายความร้อนของผิวหนังขณะยิงลดความเสี่ยงไหม้ หากไม่มีการใช้ความเย็นหรือระบบความเย็นทำงานไม่เพียงพอ ผิวหนังก็จะสะสมความร้อนมากขึ้นและไหม้ได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การตรวจสอบระบบความเย็นก่อนใช้งาน และการใช้เทคนิคเพิ่มความเย็นอื่น ๆ (เช่น ประคบน้ำแข็งก่อน/หลังยิง) ตามความเหมาะสมจะช่วยลดโอกาสเกิดรอยไหม้ได้

4.อุปกรณ์มีปัญหาหรือขาดการบำรุงรักษา
เครื่องเลเซอร์ที่ชำรุด เสื่อมสภาพ หรือไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำงานผิดปกติระหว่างการรักษา และนำไปสู่การยิงพลังงานที่ไม่แม่นยำหรือไม่เสถียรจนทำให้ผิวคนไข้อาจได้รับพลังงานมากผิดปกติและเกิดรอยไหม้ได้ การไม่บำรุงรักษาเครื่องตามกำหนด เช่น ไม่ได้ทำความสะอาดเลนส์และหัวเครื่อง, ไม่ได้ปรับเทียบ (Calibrate) เครื่องตามระยะ, หรือปล่อยให้ชิ้นส่วนหมดอายุการใช้งาน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เลเซอร์ปล่อยพลังงานไม่สม่ำเสมอหรือค่าวัดพลังงานคลาดเคลื่อน ในบางกรณีเครื่องอาจยิงพลังงานสูงกว่าที่หน้าจอตั้งค่าไว้หรือมี Hot Spot ในลำแสงที่ทำให้ผิวบางจุดได้รับพลังงานมากเกินไป

พลังงานที่ไม่สม่ำเสมอของเครื่องเลเซอร์ความงาม ส่งผลต่อผิวคนไข้อย่างไร

พลังงานเลเซอร์ที่กระจายไม่สม่ำเสมอทำให้ผิวบางจุดได้รับความร้อนเกินไป (Hot Spot) ขณะที่บริเวณข้างเคียงรับพลังงานต่ำเกิน จุดที่ร้อนเกินเสี่ยงเกิดผิวไหม้ แผลพุพอง อักเสบ และตามมาด้วย PIH หรือแม้แต่แผลเป็น

รอยแดง หลังทำเลเซอร์

ส่วนที่พลังงานที่ไปไม่ถึงจะ “ไม่ตอบสนอง” ต่อรอยโรคหรือเส้นขนจะเป็นหย่อม ๆ ผลลัพธ์จึงไม่เรียบเนียน เหตุการณ์นี้มักสัมพันธ์กับเลนส์สกปรก มีรอย ลำแสงเพี้ยน หรือระบบทำความเย็นไม่พอ สัญญาณคือผู้ป่วยจะรู้สึกร้อน เจ็บผิดปกติเป็นจุด ๆ หรือเห็นลายจ้ำแดงตามรูปลำแสง ควรหยุดการรักษาทันที เพื่อตรวจหัวเลเซอร์และการตั้งค่าพลังงาน (รวมถึงทำ Beam Test Calibrate) ก่อนใช้งาน

ต้องการทีมช่าง Click!!

inno service ประกัน 90 วัน

สัญญาณเตือนว่า “หัวเครื่องเลเซอร์” ของคุณ ควรได้รับการตรวจเช็ก

มีคราบหรือความเสียหายบนเลนส์ 
หากตรวจพบว่าเลนส์ที่หัวเลเซอร์มีคราบฝังแน่น หมองขุ่น รอยไหม้จุดเล็ก ๆ หรือรอยขีดข่วนที่ไม่สามารถทำความสะอาดออกได้หมด ถือเป็นสัญญาณว่า optics ของเครื่องมีปัญหา คราบหรือรอยบนเลนส์จะทำให้พลังงานเลเซอร์กระจายและส่งผ่านได้น้อยลง โดยทั่วไปหากเลนส์มีรอยหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้พลังงานที่ยิงออกมา ลดลง หรือ กระจายไม่สม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาลดลงแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงที่ผิวคนไข้จะโดนจุดร้อนและไหม้เป็นแห่ง ๆ

ลำแสงที่ออกมามีรูปร่างหรือความเข้มผิดปกติ
โดยปกติลำแสงเลเซอร์ที่ยิงออกจากหัวเครื่องควรมีรูปร่างและความเข้ม (beam profile) ตามที่เครื่องออกแบบไว้ เช่น เป็นจุดกลมขอบคมกระจายพลังงานสม่ำเสมอ หากสังเกตเห็นว่าลำแสงมีรูปร่างบิดเบี้ยว ไม่เป็นวงกลม หรือขอบเบลอผิดปกติ เช่น เป็นวงรี หรือมีแฉก หรือพบว่าบริเวณที่ยิงแต่ละครั้งให้ผลครอบคลุมไม่เท่ากัน แสดงว่าระบบส่งแสงภายในหัวเลเซอร์อาจเสียแนวร่วมแสง จากสาเหตุเช่น สายไฟเบอร์ภายในหักงอ, กระจก ปริซึมยึดไม่แน่น, หรือเลนส์บิดเบี้ยวเนื่องจากความร้อน

ต้องเพิ่มพลังงานมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม
หากสังเกตว่าช่วงหลัง ๆ ต้องปรับเพิ่มค่าพลังงานหรือจำนวนช็อตในการยิงมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงจะได้ผลการรักษาเท่ากับเมื่อก่อน เช่น ต้องยิงขนซ้ำหลายครั้งกว่าจะหลุด หรือรอยโรคจางลงน้อยกว่าที่ควร นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ประสิทธิภาพของหัวเลเซอร์ลดลง จากปัญหาภายใน สาเหตุอาจมาจากกำลังไฟจากแหล่งกำเนิดเลเซอร์ตก เช่น หลอดแฟลชหรือไดโอดเริ่มเสื่อม หรือทางเดินแสงภายในมีสิ่งปนเปื้อน ทำให้พลังงานที่ปล่อยออกมาไม่เต็มที่ ในกรณีนี้แม้ยังไม่มีแผลไหม้เกิดกับคนไข้ แต่การฝืนเพิ่มพลังงานขึ้น ๆ เพื่อชดเชยย่อมไม่ปลอดภัย เพราะหากแก้ปัญหาภายในได้แล้วกลับมาใช้ค่าพลังงานสูงที่เคยปรับชดเชยไว้ คนไข้อาจได้รับพลังงานเกินจนไหม้ได้

หัวเลเซอร์ร้อนหรือระบบระบายความร้อนทำงานหนักผิดปกติ
หากระหว่างใช้งานรู้สึกว่าหัวเครื่องเลเซอร์ มีความร้อนสูงขึ้นเร็วกว่าปกติ หรือได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนทำงานดังผิดปกติ อาจบ่งชี้ว่ามีปัญหาการระบายความร้อนภายในเครื่อง สาเหตุเกิดจากแผงระบายความร้อนอุดตันด้วยฝุ่น filter สกปรก หรือพัดลมเสื่อมสภาพ หัวเลเซอร์ที่ร้อนจัดไม่เพียงลดทอนประสิทธิภาพการยิง แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดทางไฟฟ้าและความปลอดภัยของผู้ใช้ เมื่อพบอาการเหล่านี้ควรหยุดใช้งานและให้ช่างทำการตรวจสอบระบบระบายความร้อน รวมถึงทำความสะอาดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยนี้ลุกลาม เพราะหากระบบทำความเย็นล้มเหลวขณะยิงเลเซอร์ อาจส่งผลให้ส่วนประกอบภายในเสียหายหนักและคนไข้ถูกความร้อนจากหัวเลเซอร์โดยตรงจนผิวไหม้ได้

ทำไมการทำความสะอาดเลนส์เครื่องเลเซอร์ความงามจึงสำคัญ

การทำความสะอาดเลนส์มีความสำคัญมาก ๆ เพราะคราบเจล เหงื่อ และฝุ่นจะดูดซับ และกระเจิงแสง ทำให้ การส่งผ่านพลังงานลดลงและโปรไฟล์ลำแสงบิดเบี้ยว เกิดจุดพลังงานหนาแน่น (hot spot) ที่เพิ่มความเสี่ยงผิวไหม้ แผลพุพอง และ PIH พร้อมทั้งทำให้ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ เลนส์สกปรกยังสะสมความร้อนจน เคลือบเลนส์ไหม้ แตกร้าว ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเร็วขึ้น และทำให้ค่าพลังงานที่ตั้งไว้คลาดเคลื่อน การเช็ดทำความสะอาดอย่างถูกวิธีหลังทำเคส และการตรวจสอบลำแสงเป็นระยะ จะช่วยคงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ช่วยยืดอายุอุปกรณ์ และลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงได้ในอนาคต

เลนส์สกปรก มีคราบ

สรุป

รอยไหม้ หลังทำเครื่องเลเซอร์ความงาม มักเกิดจากพลังงานที่กระจายไม่เท่ากัน ซึ่งสาเหตุสำคัญมักมาจากเลนส์ของหัวเลเซอร์มีคราบหรือรอยขีดข่วน จนเกิดจุดที่พลังงานตกกระทบมากเกินไป (Hot Spot) ส่งผลให้ผิวไหม้เป็นจุด ๆ และผลการรักษาไม่สม่ำเสมอ การดูแลหัวเลเซอร์ให้สะอาดอยู่เสมอ ตรวจเช็กเลนส์ก่อนใช้งานทุกครั้ง และส่งเครื่องเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบสภาพเลนส์และพลังงานอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้พลังงานแสงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคงผลลัพธ์ที่สวยงามต่อผิวของคนไข้ทุกครั้ง

INNOSERVICE CENTER บริการตรวจเช็ก และซ่อมเครื่องมือแพทย์ความงาม

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม