ต้นเหตุของความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับ เครื่อง EMT

ต้นเหตุของความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับ เครื่อง EMT

เจาะลึกสาเหตุความเสียหายของเครื่อง EMT การใช้งานที่ถูกวิธี การบำรุงรักษา และระบบไฟฟ้าที่เหมาะสม พร้อมแนวทางป้องกันสำหรับผู้ประกอบการคลินิกความงาม ข้อมูลส่งตรงจากจาก InnoService Center!

Table of Contents

การดูแลรักษา เครื่อง EMT (Electromagnetic Muscle Training) ให้มีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคลินิกเสริมความงาม เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่มีมูลค่าสูง และต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่อาจส่งผลให้เครื่องเกิดความเสียหาย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ และบุคลากรทางการแพทย์ บทความนี้จะนำเสนอสาเหตุสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของเครื่อง EMT พร้อมแนวทางการป้องกันที่เหมาะสม

หลักการทำงาน และประสิทธิภาพของ เครื่อง EMT

หลักการทำงานเครื่อง EMT (Electromagnetic Muscle Training) ทำงานโดยใช้หลักการของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มสูง โดยผ่านตัว Handpiece ที่จะสร้างพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าแบบ High-Intensity Focused Electromagnetic (HIFEM) ซึ่งสามารถกระตุ้นเส้นใยกล้ามเนื้อลึกถึงระดับ 7 เซนติเมตร ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อแบบ Supramaximal Contraction ที่มีความเข้มสูงกว่าการออกกำลังกายทั่วไปถึง 150% ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อใหม่ ลดไขมัน และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ได้รับการรักษา หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเครื่อง EMT เพิ่มเติม สามารถเข้าไป อ่านต่อได้ที่ >> “เครื่องEMT” คุณประโยชน์ การดูแลรักษา และสิ่งที่ควรรู้

สาเหตุที่ทำให้ เครื่อง EMT เสียหาย

สาเหตุที่ทำให้ เครื่อง EMT เสียหาย

1. การใช้งานที่ไม่ถูกต้องตามคู่มือที่ได้รับ

  • 1.1 การตั้งค่าความเข้มที่ไม่เหมาะสม
    การเริ่มต้นใช้งานเครื่องที่ความเข้มสูงเกินโดยไม่มีการ Warm Up เครื่อง เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องเสื่อมสภาพ รวมถึงการปรับความเข้มข้นเกินกว่าที่กำหนด อาจทำให้ระบบ Electromagnetic Coil เกิดความร้อนสูงเกินกว่าที่จะรับได้ ซึ่งเราควรปรับลดความเข้มลง เมื่อสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติ เช่น เสียงดังผิดปกติ หรือความร้อนที่สูงเกินกว่าที่ควรเป็น เป็นต้น
  • 1.2 การใช้งานต่อเนื่องเกินกำหนด
    การให้บริการต่อเนื่องโดยไม่พักเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด (เช่น ทุก 4-6 ชั่วโมง) หรือการไม่เว้นระยะเวลาพักระหว่างผู้รับบริการในแต่ละราย รวมถึงการเปิดเครื่องทิ้งไว้เป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น จะส่งผลให้เครื่องไม่ได้ระบายความร้อน จนเกิดความเสียหาย
  • 1.3 การใช้งานผิดวัตถุประสงค์
    การปรับแต่งโปรแกรมการทำงานนอกเหนือจากที่คู่มือระบุไว้ หรือการดัดแปลงอุปกรณ์ รวมถึงใช้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้รับการรับรอง จะทำให้เครื่องทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ หากต้องการดัดแปลงหรือเสริมแต่ง แนะนำให้ปรึกษาทีมช่างผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการดังกล่าว
  • 1.4 การละเลยสัญญาณเตือน
    การเพิกเฉยต่อข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอ และยังคงฝืนใช้งานเครื่องอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งเป็นการเร่งเวลาที่ตัวเครื่องจะเสื่อมสภาพ และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งนี้ควรมีการจดบันทึก หรือรายงานความผิดปกติที่พบระหว่างการใช้งาน ให้กับทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ

2. การบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม

  • 2.1 การทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง
    การละเลยการทำความสะอาด Handpiece หลังการใช้งาน หรือการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เข้มข้นหรือสารเคมีที่รุนแรง รวมถึงการปล่อยให้มีคราบเจล คราบเหงื่อ หรือสิ่งสกปรกสะสมบนอุปกรณ์ ปัจจัยเหล่านี้ เป็นเหตุที่ทำห้เครื่องเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะบริเวณภายนอกเครื่อง
  • 2.2 การเปลี่ยนอะไหล่ และวัสดุสิ้นเปลือง
    การใช้อะไหล่ที่ไม่ใช่ของแท้จากผู้ผลิต หรือการไม่เปลี่ยนชิ้นส่วนที่หมดอายุ ขาดการสำรองอะไหล่ที่จำเป็น จะลดอายุการใช้งานเครื่องอย่างรวดเร็ว หากอะไหล่เสีย ควรติดต่อทีมฝ่ายขาย หรือทีมวิศวะเพื่อเข้ามาเปลี่ยนอะไหล่โดยทันที

3. ปัญหาด้านระบบไฟฟ้า

  • 3.1 ระบบไฟฟ้าสำรอง
    เลือกใช้ UPS ที่มีกำลังไฟไม่เพียงพอ ไม่มีการตรวจสอบประสิทธิภาพแบตเตอรี่ ขาดการบำรุงรักษา UPS ตามระยะเวลา และไม่มีการทดสอบการทำงานของ UPS เป็นประจำ ระบบไฟฟ้าสำรองอาจจะไม่ได้มีความสำคัญมากนัก แต่ควรหมั่นตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยอยู่เสมอ
  • 3.2 สายไฟและการเดินระบบ
    สายไฟเสื่อมสภาพ ฉนวนแตก การพันหรือม้วนสายไฟไม่เหมาะสม สายไฟถูกกดทับหรือบิดงอ ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ หากเราไม่ระมัดระหว่างในการใช้งานมากพอ
  • 3.3 การจัดการสภาพแวดล้อม
    การวางเครื่องไว้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง อุณหภูมิห้องไม่เหมาะสม การระบายอากาศไม่เพียงพอ และมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกสะสม จะเป็นการรบกวนการทำงานของระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดการลัดวงจร และเสียหายได้ง่าย

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ เครื่อง EMT

ความเสียหายของเครื่อง EMT นำมาซึ่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจทั้งในด้านการเงินและชื่อเสียง นับตั้งแต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่มีมูลค่าสูง การสูญเสียรายได้จากการหยุดให้บริการ รวมถึงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียฐานลูกค้าให้กับคู่แข่ง 

ที่สำคัญไปกว่านั้น การใช้งานเครื่องที่มีประสิทธิภาพลดลงอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ และในกรณีที่ความเสียหายเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้องหรือการบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม อาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับบริษัทผู้ผลิตในระยะยาว ดังนั้น การป้องกันความเสียหายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม หากอยากทราบผลกระทบต่างๆ หากเครื่อง EMT เสียหาย สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ >> ผลกระทบสุดร้ายแรง! หากเครื่อง EMT เสียหาย

สรุป

สรุปแล้วเครื่อง EMT เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูงในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เครื่องเกิดความเสียหายมักมาจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง การบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม และปัญหาด้านระบบไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบทั้งด้านค่าใช้จ่ายในการซ่อม การสูญเสียรายได้ และชื่อเสียงของคลินิก ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและบำรุงรักษาที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงการเข้ารับการตรวจเช็กจากทีมวิศวะผู้เชี่ยวชาญ เพราะการซ่อมเครื่องมือแพทย์ความงามเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากสงสัยว่ามันมีความสำคัญขนาดไหน สามารถเข้าไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> ทำไมการ ซ่อมเครื่องมือแพทย์ ถึงสำคัญกับธุรกิจเสริมความงาม

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม