Pico Laser คืออะไร? และทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของ Picosecond Laser
Picosecond Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ปล่อยพัลส์ของแสงที่สั้นมากระดับพิโควินาที (หนึ่งในล้านล้านวินาที) ต่อช็อตการยิง โดยพลังงานแสงจะถูกส่งออกมาในช่วงเวลาที่สั้นกว่าปกติมหาศาล ทำให้เกิดปรากฏการณ์เชิงกลต่อเป้าหมายมากกว่าปรากฏการณ์ความร้อน หลักการนี้เรียกว่า Photoacoustic effect เมื่อพัลส์แสงที่สั้นและเข้มข้นกระทบเม็ดสีหรืออนุภาคหมึก มันจะสร้างแรงดัน (คล้ายคลื่นเสียงกระแทก) ไปทำลายอนุภาคเม็ดสีให้แตกละเอียด แทนที่จะถ่ายเทพลังงานเป็นความร้อนสะสมเหมือนเลเซอร์รุ่นเก่า ผลลัพธ์คือเม็ดสีเป้าหมายถูกทำลายเป็นอนุภาคเล็ก ๆ ที่ร่างกายสามารถกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเกิดความร้อนทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียงน้อยที่สุด
ความแตกต่างระหว่าง Pico Laser กับเลเซอร์รุ่นอื่น
เลเซอร์รุ่นก่อน ๆ อย่าง Q-switched Nd:YAG มักปล่อยพัลส์ที่ยาวกว่ามาก (ระดับนาโนวินาที หรือสิบ⁻⁹ วินาที) ทำให้พลังงานส่วนใหญ่ถูกส่งผ่านในรูปของความร้อนที่กระจายไปยังเนื้อเยื่อรอบข้างมากกว่า ในขณะที่ Pico Laser มีช่วงพัลส์สั้นกว่าหลายเท่า จึงสามารถส่งพลังงานเข้าสู่เม็ดสีเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจงและรุนแรงพอที่จะแตกเม็ดสี โดยมีความร้อนสะสมไปยังผิวหนังรอบ ๆ น้อยกว่าเลเซอร์แบบเดิมอย่างมาก ผลลัพธ์ที่เห็นได้คือ Pico Laser สามารถเคลียร์เม็ดสีหรือรอยสักได้รวดเร็วกว่าในหลายกรณี ต้องการจำนวนการรักษาน้อยครั้งลง และมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง (เช่น แผลเป็นหรือสีผิวเปลี่ยน) ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับเลเซอร์นาโนวินาทีแบบ Q-switched เดิม
สาเหตุที่เครื่อง Pico Laser พลังงานดรอป
1. ระบบพลังงาน (Power Supply) เสื่อมสภาพ
แหล่งจ่ายไฟภายในเครื่องเลเซอร์ (Power Supply Unit – PSU) ทำหน้าที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าความต่างศักย์สูงให้กับระบบกำเนิดแสงเลเซอร์ ตลอดการใช้งานหลายปี ส่วนประกอบภายใน PSU เช่น ตัวเก็บประจุหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อาจเสื่อมคุณภาพหรือเกิดความเสียหายได้ ส่งผลให้แรงดันและกระแสไฟที่จ่ายออกมาไม่คงที่หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของเครื่องเลเซอร์ เมื่อ PSU ไม่สามารถจ่ายไฟได้เต็มกำลัง ลำแสงเลเซอร์ที่เครื่องปล่อยออกมาย่อมมีพลังงานลดลงตามไปด้วย
2. หัวเลเซอร์ (Laser Head / Cavity) สกปรกหรือหมดอายุ
ชุดหัวเลเซอร์หรือโพรงกำเนิดแสง (Laser Cavity) ประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญหลายอย่าง เช่น หลอดแฟลช (Flash Lamp), แท่งผลึกเลเซอร์ (Laser Rod), และกระจกสะท้อนในโพรง ซึ่งแต่ละชิ้นส่วนมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ประสิทธิภาพของส่วนกำเนิดแสงจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุ
ในระบบเลเซอร์ที่ใช้หลอดแฟลชเป็นตัวกระตุ้น (เช่น Nd:YAG หรือ Alexandrite แบบดั้งเดิม) หลอดแฟลชมักมีอายุการยิงอยู่ในระดับแสนถึงล้านช็อตตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ซึ่งเมื่อเข้าใกล้หรือเกินจำนวนดังกล่าว แก๊สซีนอนภายในหลอดจะเสื่อมคุณภาพและปล่อยแสงพลังงานสูงได้ไม่เต็มที่ แม้ตั้งค่าพลังงานเท่าเดิมก็จะได้พลังงานที่ออกมาลดลงอย่างรู้สึกได้
3. เลนส์หรือกระจกสะท้อน (Mirror / Lens) มีคราบฝุ่นหรือรอยไหม้
องค์ประกอบทุกชิ้นในเส้นทางลำแสงเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นกระจกสะท้อนในโพรงเลเซอร์ กระจกหักเหทิศทางลำแสง หรือเลนส์โฟกัสที่หัวเครื่อง ล้วนต้องการความสะอาดและใสสมบูรณ์เพื่อส่งผ่านพลังงานได้เต็มที่ หากเลนส์หรือกระจกเหล่านี้มีฝุ่นละออง คราบควันเขม่า เม็ดสีที่กระเด็นมาติด หรือมีรอยคราบไหม้ติดอยู่บนผิวหน้า แสงเลเซอร์บางส่วนจะถูกดูดซับหรือกระเจิงไปกับสิ่งสกปรกเหล่านั้นแทนที่จะส่งผ่าน/สะท้อนไปยังเป้าหมาย ส่งผลให้พลังงานที่ปล่อยออกมาลดลงอย่างมาก และคราบสกปรกที่สะสมบนกระจกยังดูดซับความร้อนทำให้กระจกยิ่งร้อนจัด อาจถึงขั้นแตกร้าวหรือเคลือบผิวเสียหายได้หากปล่อยไว้นาน
4. ระบบหล่อเย็น (Cooling System) ทำงานผิดปกติ
เครื่องเลเซอร์จะสร้างความร้อนสูงขณะยิงแสงออกมา จึงจำเป็นต้องมีระบบหล่อเย็นช่วยระบายความร้อน เช่น ระบบหมุนเวียนน้ำหล่อเย็นภายในเครื่องหรือระบบพัดลม/ฮีทซิงก์ต่าง ๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิส่วนประกอบให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัย หากระบบหล่อเย็นทำงานผิดปกติ เช่น น้ำหล่อเย็นรั่วหรือน้ำในแทงก์ต่ำกว่ากำหนด, ปั๊มน้ำไม่หมุนเวียนน้ำ, คอมเพรสเซอร์ในชิลเลอร์มีปัญหา หรือพัดลมระบายอากาศเสีย ความร้อนจะสะสมในตัวเครื่องอย่างรวดเร็ว ลำแสงเลเซอร์จะเริ่มมีกำลังตกลงเพราะแหล่งกำเนิดแสงทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเมื่อร้อนเกินไป และถ้าอุณหภูมิพุ่งสูงมากเครื่องอาจหยุดยิงหรือตัดการทำงานลงเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงกับส่วนภายใน
5. การตั้งค่าพลังงานไม่เหมาะสมกับสภาพหัว
บางครั้งสาเหตุที่ยิงเลเซอร์แล้วรู้สึกว่าแรงตกอาจไม่ได้มาจากความบกพร่องของเครื่อง แต่เกิดจากการตั้งค่าการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเทียบกับหัวเลเซอร์ที่ใช้หรือผิวหนังที่กำลังรักษา ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้งานปรับระดับพลังงานต่ำกว่าที่ควรโดยไม่ตั้งใจ ผลที่ได้ย่อมเป็นว่าลำแสงเลเซอร์อ่อนเกินไปจนรักษาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ควรลองตรวจสอบค่าพลังงานที่ตั้งไว้และปรับเพิ่มหากต่ำเกินไป
อีกกรณีหนึ่งคือการเปลี่ยนหัวเลเซอร์หรือขนาดจุดโฟกัส (spot size) แต่ยังใช้ค่าพลังงานเท่าเดิม – การทำเช่นนี้อาจทำให้ความหนาแน่นพลังงานต่อพื้นที่ไม่เพียงพอกับงานที่ทำ (เช่น ใช้หัวขนาดใหญ่ขึ้นแต่ไม่ได้เพิ่มพลังงานให้สอดคล้องกัน ผลคือพลังงานกระจายกว้างขึ้นและไม่เข้มข้นพอ) ดังนั้นผู้ใช้งานควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าการตั้งค่าพลังงาน, โหมดการยิงเลเซอร์, และการเลือกหัว/เลนส์ที่ใช้ เหมาะสมกับประเภทงานและบริเวณที่จะรักษา


สัญญาณเตือนว่าเครื่อง Pico Laser เริ่มมีปัญหา
- พลังงานเลเซอร์ที่ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด: เช่น ต้องใช้จำนวนครั้งในการยิงต่อเคสเพิ่มขึ้น หรือผลการรักษาแต่ละครั้งช้าลงกว่าปกติ พื้นที่ผิวที่รับการยิงอาจมีบางจุดที่เลเซอร์ไม่ลงหรือจางกว่าจุดอื่นอย่างผิดสังเกต
- แสงเลเซอร์ที่ยิงออกมาไม่สม่ำเสมอ: สังเกตได้จากบางช็อตมีความแรงปกติ แต่บางช็อตรู้สึกแรงเบาลง หรือจังหวะแสงแฟลชกระพริบดูแปลกไปไม่คงที่เหมือนเคย บางครั้งอาจได้ยินเสียงการยิงที่เปลี่ยนไปด้วย นี่เป็นสัญญาณว่าแหล่งกำเนิดแสง (เช่น หลอดแฟลช) อาจเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้พัลส์แสงไม่คงที่
- เครื่องแสดงข้อผิดพลาดหรือแจ้งเตือนบ่อยผิดปกติ: เช่น มีการขึ้นรหัส Error ที่หน้าจอเกี่ยวกับพลังงานหรือการปรับเทียบแสง, มีสัญญาณเตือนความร้อนเกิน (overheat) บ่อยครั้ง, หรือเครื่องดับ/รีเซ็ตตัวเองกลางคันขณะทำการรักษา สิ่งเหล่านี้มักบ่งชี้ถึงความผิดปกติภายในเครื่องที่ไม่ควรละเลย
- ตัวเลขช็อตหรือชั่วโมงการใช้งานสูงเกินเกณฑ์: เครื่องเลเซอร์หลายรุ่นมีตัวนับ Shot Counter แสดงจำนวนครั้งที่ยิงสะสมไว้ หรือบันทึกชั่วโมงการทำงานของหลอดเลเซอร์ หากค่าที่แสดงเข้าใกล้หรือเกินค่าที่ผู้ผลิตแนะนำไว้ว่าเป็นอายุใช้งานของหลอด/หัวเลเซอร์ นั่นเป็นสัญญาณว่าควรวางแผนบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนอะไหล่ที่หมดอายุ เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งประสิทธิภาพการยิงจะดรอปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องการทีมช่าง Click!!
วิธีตรวจเช็กเบื้องต้นเมื่อเครื่อง Pico Laser พลังงานตก
- ตรวจสอบการตั้งค่าพลังงานและโหมดการยิง: ให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้ตั้งค่าพลังงาน (Energy) ต่ำเกินไปหรือใช้โหมดผิดประเภทโดยไม่ตั้งใจ เพราะการตั้งค่าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องยิงได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบและทำความสะอาดเลนส์: ปิดเครื่องและตรวจดูเลนส์หน้าตัวเครื่องหรือกระจกต่าง ๆ ว่ามีฝุ่นเกาะ คราบน้ำ คราบเขม่า หรือรอยไหม้ปรากฏหรือไม่ หากพบคราบฝุ่นสกปรก ควรทำความสะอาดเลนส์เหล่านั้นอย่างถูกวิธี (ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือสำลีสะอาดชุบแอลกอฮอล์เช็ดเบา ๆ ตามคำแนะนำผู้ผลิต) เพราะเลนส์ที่สะอาดจะช่วยคืนพลังงานเลเซอร์ที่สูญเสียไปจากฝุ่นได้
- ตรวจสอบหลอดเลเซอร์หรือหัวกำเนิดแสง: ดูตัวเลข Shot Counter (ถ้ามี) บนหน้าจอเครื่อง หรือประเมินชั่วโมงการใช้งานของหลอดแฟลช/ไดโอดเลเซอร์ที่ผ่านมาว่ามากน้อยเพียงใด หากเครื่องถูกใช้งานอย่างหนักมาเป็นเวลานานจนเข้าใกล้หรือเกินอายุที่ผู้ผลิตกำหนดไว้สำหรับหลอดหรือโมดูล (เช่น หลักแสนหรือหลักล้านช็อต) ให้สงสัยได้ว่าหลอดเลเซอร์อาจเสื่อมสภาพจนพลังงานที่ปล่อยออกมาตกลง
- ตรวจสอบระบบหล่อเย็น: เช็กระดับน้ำหล่อเย็นในแทงก์ว่าเพียงพอและไม่มีการรั่วซึม ตรวจดูอุณหภูมิของน้ำขณะเครื่องทำงาน (เครื่องบางรุ่นแสดงผลที่หน้าจอ) หากน้ำในระบบมีน้อยหรือร้อนผิดปกติ ควรปิดเครื่องแล้วเติม/เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นใหม่ให้ถึงระดับที่กำหนด (ใช้น้ำกลั่นสะอาดเท่านั้น) กรณีน้ำมีสีขุ่นหรือละเลยการเปลี่ยนน้ำนานเป็นเดือนให้ถ่ายน้ำทิ้งแล้วล้างระบบก่อนใส่น้ำใหม่ การที่เครื่องร้อนเกินไปเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พลังงานตก
- ตรวจสอบไฟฟ้าและการจ่ายพลังงาน: ดูว่าไฟฟ้าที่จ่ายให้เครื่องมีความเสถียรดีหรือไม่ (แรงดันไม่ตกหรือไม่นิ่ง) หากสถานที่ตั้งคลินิกมีปัญหาไฟตกไฟเกิน ควรติดตั้งเครื่องควบคุมแรงดันไฟฟ้า (AVR) เพื่อป้องกันความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในเครื่อง นอกจากนี้ลองตรวจสายไฟหลัก ปลั๊ก และฟิวส์ของเครื่องว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์และเสียบต่อแน่นหนา ไม่มีรอยไหม้หรือหลวม เพราะการเชื่อมต่อที่ไม่ดีจะทำให้ไฟฟ้าขาด ๆ หาย ๆ ส่งผลให้เลเซอร์ยิงได้ไม่เต็มกำลังเช่นกัน ควรแน่ใจว่าไฟที่จ่ายเข้าเครื่องอยู่ในช่วงแรงดันที่ถูกต้องและกระแสเพียงพอตามสเปคของเครื่อง
- ติดต่อศูนย์บริการผู้เชี่ยวชาญ: หากได้ลองตรวจสอบตามขั้นต้นทุกข้อแล้วยังไม่พบสาเหตุหรือแก้ไขปัญหาไม่ได้ อย่าฝืนใช้งานเครื่องต่อ ควรหยุดการใช้เครื่องชั่วคราวแล้วติดต่อบริษัทผู้ขายหรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาตรวจเช็กอย่างละเอียดและซ่อมบำรุง เครื่องเลเซอร์เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อน การพยายามแก้ไขเองโดยไม่มีความรู้อาจยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามและกระทบถึงประกันเครื่องได้ การส่งซ่อมโดยมืออาชีพจะปลอดภัยกว่าและป้องกันความเสียหายใหญ่ที่จะเกิดตามมาได้
วิธีดูแลเครื่อง Pico Laser ให้คงประสิทธิภาพ
การดูแลเครื่อง Pico Laser อย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน โดยควรทำความสะอาดเลนส์และกระจกเป็นประจำหลังใช้งาน เพื่อป้องกันฝุ่นและคราบที่อาจบังลำแสงหรือทำให้เครื่องร้อนผิดปกติ ใช้น้ำกลั่นบริสุทธิ์สำหรับระบบหล่อเย็นและเปลี่ยนถ่ายตามกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดตะกรันหรือสิ่งสกปรกสะสม หลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องต่อเนื่องนานเกินไปโดยไม่พักระบายความร้อน รวมถึงควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมเสมอ ตรวจเช็กเครื่องตามรอบเวลา เช่น ทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี และเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองตามอายุการใช้งาน โดยเลือกใช้อะไหล่แท้หรือจากซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เครื่องยิงเลเซอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลดความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักในการให้บริการ

สรุป
ปัญหา Pico Laser ยิงไม่แรง หรือพลังงานดรอป อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น เพียงหมั่นดูแลระบบไฟ ระบบหล่อเย็น และความสะอาดของหัวเลเซอร์ ก็สามารถลดความเสี่ยงการชำรุดและรักษาคุณภาพพลังงานได้ยาวนาน หากตรวจเช็กแล้วเครื่องยังมีอาการเดิม ควรส่งให้ทีมเทคนิคตรวจสอบโดยเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายของระบบภายในและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว
