ในโลกของการแพทย์เสริมความงาม เครื่องทรีทเม้นท์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการให้บริการ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากวันหนึ่งเครื่องมือเหล่านี้เริ่มส่งสัญญาณว่ากำลังจะพัง ? นี่คือวิธีป้องกันเบื้องต้นที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน และ รักษาประสิทธิภาพของเครื่องมือแพทย์ความงามของคุณ
ภัยเงียบที่คุกคาม เครื่องทรีทเม้นท์ หากไม่ได้รับความใส่ใจ
เครื่องทรีทเม้นท์ในคลินิกความงาม มักเกิดปัญหาได้หลายสาเหตุ การตระหนักถึงปัญหาต่างๆ และมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหา และยืดอายุการใช้งานของเครื่องทรีทเม้นท์ด้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการทราบถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เครื่องทรีทเม้นท์เกิดปัญหา สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> เจาะลึก 7 สาเหตุ ที่ทำให้เครื่องทรีทเม้นท์เสียหาย






6 วิธีป้องกันเบื้องต้นสำหรับ เครื่องทรีทเม้นท
1. ตรวจสอบเครื่องเป็นประจำ
- 1.1 ตรวจสอบสภาพภายนอก
- ตรวจสอบโดยรอบของเครื่องว่ามีรอยแตกร้าว บิ่น หรือเสียหายหรือไม่
- ตรวจสอบว่าปุ่มควบคุม และหน้าจอแสดงผลทำงานปกติหรือไม่
- สังเกตว่ามีคราบสกปรก หรือสิ่งแปลกปลอมติดอยู่บนเครื่องหรือไม่
- 1.2 ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
- ตรวจดูสายไฟว่ามีรอยฉีกขาด หรือเปื่อยยุ่ยหรือไม่
- ตรวจสอบปลั๊กไฟ และจุดเชื่อมต่อต่างๆ ว่าแน่นหนาดีหรือไม่
- สังเกตว่ามีกลิ่นไหม้หรือกลิ่นผิดปกติจากเครื่องหรือไม่
- 1.3 ตรวจสอบอุปกรณ์เสริม
- ตรวจดูหัวทรีตเมนต์ต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยสึกหรอ
- ตรวจสอบสายต่อ และข้อต่อต่างๆ ว่ายังคงแน่นหนาดี
- ทำความสะอาดอุปกรณ์เสริมตามคำแนะนำของผู้ผลิต
2. ทำความสะอาดเครื่องอย่างถูกวิธี
- 2.1 เตรียมอุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาด
- เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับวัสดุของเครื่อง โดยศึกษาจากคู่มือ หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย
- เตรียมผ้าไมโครไฟเบอร์ เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน
- สวมถุงมือเพื่อป้องกันการปนเปื้อน และการสัมผัสกับสารเคมี
- 2.2 ทำความสะอาดด้วยการฆ่าเชื้อโรค
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมกับเครื่องมือแพทย์ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ทิ้งไว้ให้แห้งตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้น้ำยาฆ่าเชื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หากจำเป็น ใช้ผ้าสะอาดเช็ดซ้ำอีกครั้งเพื่อกำจัดคราบน้ำยาที่ตกค้าง
- 2.3 ทำความสะอาดหน้าจอ และแผงควบคุม
- ใช้ผ้านุ่มๆ ที่ชุบน้ำยาทำความสะอาดพิเศษสำหรับหน้าจอ
- เช็ดเบาๆ โดยไม่ออกแรงกดมากเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหายต่อหน้าจอ
- ระมัดระวังไม่ให้ของเหลวซึมเข้าไปในช่องว่างระหว่างปุ่มกด
3. วางแผนบำรุงรักษาเครื่อง ตามระยะเวลาที่กำหนด
- 3.1 การบำรุงรักษารายสัปดาห์
- ตรวจสอบ และทำความสะอาดฟิลเตอร์อากาศ
- ตรวจสอบการทำงานของพัดลมระบายความร้อน
- ทดสอบการทำงานของระบบสำรองไฟฟ้า
- 3.2 ใช้บริการทีมวิศวะ เพื่อบำรุงรักษาแบบรายเดือน
- ตรวจสอบ และปรับเทียบ (Calibrate) ค่าต่างๆ ของเครื่องให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยทีมวิศวะผู้เชี่ยวชาญ
- ทำความสะอาดภายในตู้ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ)
- ตรวจสอบ และบันทึกค่าการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อเปรียบเทียบกับค่าปกติ
- 3.3 ใช้บริการทีมวิศวะ เพื่อบำรุงรักษาแบบรายปี
- ทำการเปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งานที่กำหนด เช่น หลอดไฟ, แบตเตอรี่สำรอง
- ทำการตรวจสอบ และทดสอบระบบไฟฟ้าทั้งหมดโดยละเอียด
- ทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานเต็มรูปแบบ (Full Performance Test)
4. เตรียมแผนฝึกอบรมผู้ใช้งานเครื่อง
- 4.1 วางแผนการฝึกอบรม
- จัดทำแผนการฝึกอบรมประจำปี ครอบคลุมทั้งพนักงานใหม่ และการอบรมฟื้นฟูสำหรับพนักงานปัจจุบัน
- กำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมที่เหมาะสมกับระดับความรู้ และประสบการณ์ของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม
- วางแผนการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับการอัพเดทซอฟต์แวร์ หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ของเครื่อง
- 4.2 เตรียมหาวิธีการฝึกอบรม
- จัดการอบรมภาคทฤษฎีควบคู่กับการฝึกปฏิบัติจริง
- ใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย เช่น วิดีโอ, อินโฟกราฟิก, คู่มือการใช้งานแบบย่อ
- จัดให้มีการสาธิตการใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย
- สร้างสถานการณ์จำลองเพื่อฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
- 4.3 ปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต
- จัดการอบรมพิเศษเมื่อมีการอัพเกรดซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์
- ส่งพนักงานเข้าร่วมการประชุมหรือสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล่าสุด
- สร้างความร่วมมือกับผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายในการจัดอบรมเทคโนโลยีใหม่ๆ
5. สังเกตสัญญาณเตือนที่อาจเกิดขึ้น
- 5.1 เครื่องเสียงดังกว่าปกติ หรือมีเสียงแปลกๆ เช่น เสียงครูด เสียงกระแทก เสียงสั่น หรือเสียงหึ่งที่ไม่สม่ำเสมอ วิธีจัดการคือ หยุดใช้งานทันที และแจ้งช่างเทคนิคทันที
- 5.2 มีกลิ่นไหม้ กลิ่นพลาสติกละลาย หรือกลิ่นสารเคมีที่ไม่คุ้นเคย วิธีจัดการคือ ปิดเครื่องทันที ตรวจสอบแหล่งที่มาของกลิ่น และแจ้งช่างเทคนิค
- 5.3 เครื่องร้อนกว่าปกติในขณะใช้งาน หรือหลังใช้งาน วิธีจัดการคือ ตรวจสอบระบบระบายความร้อน และแจ้งช่างเทคนิคหากพบความผิดปกติ
6. ควบคุมสภาพแวดล้อมโดยรอบ
- 6.1 ระบบ HVAC ที่เหมาะสม
- ติดตั้งระบบปรับอากาศที่สามารถควบคุมทั้งอุณหภูมิ และความชื้นได้อย่างแม่นยำ
- พิจารณาใช้ระบบ HVAC แบบ Precision หรือ Close Control สำหรับห้องที่ติดตั้งเครื่องมือแพทย์ที่มีความไวสูง
- ติดตั้งระบบสำรองเพื่อรองรับกรณีระบบหลักขัดข้อง
- 6.2 ใช้ระบบกรองอากาศขั้นสูง
- ใช้ระบบกรองอากาศแบบ HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน
- พิจารณาติดตั้งระบบกรองอากาศแบบ ULPA (Ultra-Low Penetration Air) สำหรับห้องที่ต้องการความสะอาดสูงเป็นพิเศษ
- ติดตั้งระบบฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C ในระบบท่อลม
วิกฤต เครื่องทรีทเม้นท์ หากละเลยการบำรุงรักษา
การละเลยการบำรุงรักษาเครื่องทรีทเม้นท์ อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงหลายประการ ซึ่งจะส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า อายุการใช้งานที่สั้นลง และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม นอกจากนี้ ยังอาจเกิดการหยุดชะงักของบริการโดยไม่คาดคิด กระทบต่อรายได้ และความน่าเชื่อถือ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในเครื่อง Treatment สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> 4 ปัญหาที่ต้องรู้ หากเครื่องทรีทเม้นท์ขัดข้อง
สรุป
การป้องกันเครื่องทรีทเม้นท์ เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพ และความต่อเนื่องของธุรกิจคลินิกความงาม บทความนี้นำเสนอแนวทางหลักๆ 6 ประการ การนำแนวทางเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือ ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหา และสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ให้บริการและลูกค้า ส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเครื่องทรีทเม้นท์มีปัญหาร้ายแรง InnoService แนะนำให้ใช้บริการทีมช่าง ให้เข้ามาตรวจสอบจะดีกว่า ซึ่งการซ่อมเครื่องมือแพทย์นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากต้องการทราบถึงความสำคัญที่กล่าวมา สามารถเข้าไปอ่านเพิมเติมได้ที่ >> ทำไมการ ซ่อมเครื่องมือแพทย์ ถึงสำคัญกับธุรกิจเสริมความงาม
